แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส บริษัทเทคฯสัญชาติไทยรายแรก เข้าซื้อขายกระดานหุ้น LiveX ก.ย.นี้
PRACHACHAT WEALTH EP ที่ 29 วันนี้ จะพาไปทำความรู้จัก บริษัท แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) บริษัทแรกที่กำลังจะเข้าซื้อขายในกระดานไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LIVEX) ซึ่งเป็นกระดานหุ้นกระดานที่สามในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
Prachachat Wealth EP ที่ 29 วันนี้ จะพาไปทำความรู้จัก บริษัท แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) บริษัทแรกที่กำลังจะเข้าซื้อขายในกระดานไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiveX) ซึ่งเป็นกระดานหุ้นกระดานที่สามในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AWS ประกอบธุรกิจที่ออกแบบพัฒนาดิจิทัลเทคโนโลยีทางด้านไอทีโซลูชั่น และให้บริการ On-Cloud Digital Platform โดย “วิโรจน์ ศิริรัตนรักษ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ให้สัมภาษณ์กับ “ประชาชาติธุรกิจเวลธ์” ว่า
"ต้องบอกว่าตื่นเต้นนะครับ เพราะถือเป็นประวัติศาสตร์ และเราก็เป็นบริษัทแรกของประเทศเลย ที่ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ก็รู้สึกตื่นเต้นครับ
ต้องบอกว่าก็เตรียมตัวสักระยะหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับนานมาก เพราะว่าอย่างแรกเรามีการตั้งเป้าหมายอยู่แล้วว่าเราอยากจะระดมทุนในตลาด พอดี จังหวะมาพอดีว่ามีตลาดไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์เกิดขึ้น และที่สำคัญคือทางทีมงานของตลาดหลักทรัพย์ฯเอง ก.ล.ต.เองก็มีการ grooming อะไรต่าง ๆ ให้เรา เลยทำให้เราเตรียมตัวโดยไม่ได้ใช้เวลาเยอะมากครับ"
คุณวิโรจน์ ศิริรัตนรักษ์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
ผู้ให้บริการไอทีโซลูชั่น
ปัจจุบันตัวบริษัท แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส ถือว่าเป็นผู้ออกแบบและพัฒนาไอทีโซลูชั่น เป็นพวกออนไลน์แพลตฟอร์ม และให้บริการ On-Cloud Service Platform ส่วนมากก็เป็นลูกค้าองค์กรธุรกิจ และมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้วย สัดส่วน ณ ปัจจุบัน อยู่ในตลาดของงานลูกค้าเอกชนเป็นหลัก ประมาณ 98-99% และมีงานราชการนิด ๆ หน่อย ๆ ที่เป็นลูกค้าเรา
ธุรกิจหลัก ๆ จะมีแพลตฟอร์มอยู่หลากหลายตัว โดยหลัก ๆ จะแบ่งธุรกิจเราออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกก็จะเป็นธุรกิจที่เราทำมาตั้งแต่เริ่มแรก ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเลย จนถึงปัจจุบันก็มีโปรดักต์อื่นเพิ่มเติมด้วย ก็จะเป็นในกลุ่มของระบบเติมเงิน ชำระเงิน และบริหารจัดการตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ
ส่วนที่สองก็จะเป็นธุรกิจเกี่ยวกับด้านการบริหารจัดการตั๋วแบบครบวงจร และเป็นเรื่องของงานไอทีโซลูชั่น ซึ่งในกลุ่มที่สองก็จะเป็นด้านซอฟแวร์ เรียกว่าหลัก ๆ ซอฟต์แวร์เพียว ๆ เลยนะครับ และก็เรื่องของซอฟต์แวร์แพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นทั้งจัดการตั๋ว เรื่องของบริการลูกค้าสมาชิก ตัว CRM หรือแม้กระทั่งจองคิวนัดหมาย รวมถึงอันใหม่ ๆ ที่เราพัฒนามาได้ 2-3 ปีแล้ว ในเรื่องตัวของบล็อกเชน ก็มีการพัฒนาตัวบล็อกเชนขึ้นมา ได้มีการยื่นจดสิทธิบัตรด้วยนะครับ
รุกธุรกิจ New S-Curve มาร์จิ้นสูง
ต้องเรียนอย่างนี้ครับว่า ตัวธุรกิจของเรา เรามีทั้งธุรกิจดั้งเดิม ซึ่งก็มีโปรดักต์เพิ่มเติมด้วยในกลุ่มธุรกิจนั้น และก็มีในกลุ่มของธุรกิจใหม่ที่เป็นแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ ธรรมดาอยู่แล้วกรณีที่ธุรกิจใหม่ ๆ ยังไงมาร์จิ้นก็สูง พอธุรกิจที่มี high margin เราก็เพิ่มดำเนินการ เพราะฉะนั้นในส่วนของ S-Curve ตัวใหม่ ๆ เราก็จะได้มาร์จิ้นที่ค่อนข้างที่จะสูงกว่า
อย่างที่บอกเรานิยามตัวเองว่าเป็นเอสเอ็มอี ที่ประกอบธุรกิจเทคโนโลยี เราไม่ใช่สตาร์ตอัพ เพราะฉะนั้นธุรกิจที่เราทำ เราต้องมองถึงเรื่องของผลกำไรสุทธิ เราก็จะมีการวิจัยและพัฒนาแพลตฟอร์มโปรดักต์ใหม่ ๆ ออกมาเพื่อให้อัพเดทในตลาดอยู่เสมอครับ
ซื้อขายวันแรกเดือน ก.ย.นี้
ตอนนี้กระบวนการของเรา ได้ยื่นไฟลิ่งไปแล้ว และไฟลิ่งผ่านการอนุมัติจาก ก.ล.ต.เมื่อตอนปลายเดือน ก.ค.แล้ว เดือน ส.ค.นี้ก็จะเป็นช่วงของการเตรียมตัวเสนอขายและจัดสรรเรื่องของโควต้าของผู้ซื้อ และประมาณปลายเดือน ส.ค. ก็น่าจะเป็นช่วงของวันจองซื้อ ซึ่งทางอันเดอร์ไรต์ก็จะกำหนดวันอีกที ส่วนคาดการณ์ว่าภายในเดือน ก.ย.65 มีโอกาสที่จะเป็น first day trade (ซื้อขายวันแรกในตลาดหุ้น) ได้ โดยทางที่ปรึกษาการเงิน (FA) ประเมินมูลค่าหุ้น (Value) และทางอันเดอร์ไรต์กำหนดราคามาแต่ยังไม่ไฟนอล โดยราคาอยู่ในช่วง 2-2.70 บาท
แผนระดมทุนมีวัตถุประสงค์ในการใช้เงินใน 3 ปี และระหว่างใช้เงินที่ระดมทุนมาในการสร้างอะไรต่าง ๆ ก็จะมีรายได้กลับเข้ามาด้วย ไม่ใช่เป็นลงทุนอย่างเดียว อันแรกก็เอาไปพัฒนา server ตัว Data Center พื้นฐาน เพื่อจะลดค่าใช้จ่ายบน On-Cloud ที่เป็นค่าใช้จ่ายของ Cloud ต่างประเทศ และก็จะทำ Local ที่เป็น on premise on cloud service ของเราด้วยส่วนหนึ่งครับ
และกรณีที่เพิ่มลูกค้าจำนวนเยอะหรือว่าข้อมูลบางส่วนก็ on อยู่บน on-Cloud ที่เป็นของเราเอง ต้นทุนเราก็จะถูกลง และเราก็จะมีการพัฒนาโปรดักต์ใหม่ ๆ อีกสองสามอย่าง ทั้งหมดแผนเรามีอยู่ประมาณ 7-8 ข้อในไฟลิ่ง โดยส่วนมากเป็นการเพิ่มให้เกิดการตลาด การขาย ทำให้ธุรกิจที่เติบโตมากยิ่งขึ้น
“แผนธุรกิจเราอย่างที่บอกว่าเราเป็นเอสเอ็มอี เราทำธุรกิจ เราเน้นเรื่องของ Bottom Line อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นผลลัพธ์ของตัวธุรกิจเราอาจจะไม่ได้เรื่องของจำนวนทรานแซกชั่นเท่าไร ทีนี้ Growth ของเรา เราก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถ้าดูอย่างเช่นปี 2563 และปี 2564 ถึงแม้เราจะได้ผลกระทบจากโควิด แต่ Bottom Line เราก็ยังโตจาก 3 ล้านบาท เป็น 10 ล้านบาท โดยถ้าเราได้เงินในการระดมทุนมา และเราได้ทำตามแผนที่เราวางไว้ก็คาดว่าจะมีการเติบโตเพิ่มมากยิ่งขึ้น”
2 ปี ดันบริษัทเข้าตลาด mai
บริษัทเราคือตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่า เราอยากนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai และมีการวางแผนทำระบบบัญชีเล่มใหญ่ตามมาตรฐาน ก.ล.ต.มา 3 ปีแล้ว และมีเรื่องของการทำ internal audit ไปอยู่ 2-3 งวดแล้ว ตอนนี้ก็อยู่ในกระบวนการที่เรากำลังจัดโครงสร้างและทำตัวมาตรฐานต่าง ๆ เพื่อให้เตรียมพร้อมที่จะเข้า mai และคาดการณ์ว่าหลังจากที่เข้า LiveX แล้ว จะยิ่งเป็นสปริงบอร์ด มีโอกาสที่จะเข้า mai ได้ ตั้งเป้าไว้ประมาณสัก 2-3 ปี
สเกลธุรกิจเล็ก อนาคตโตสูง
ในกระดานไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์เนื่องจากเป็นกระดานของเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพ เพราะฉะนั้นธุรกิจอาจจะเป็นธุรกิจที่ไม่ได้ใหญ่โตมาก แต่เป็นธุรกิจที่จะเติบโตในอนาคตแน่นอน ทีนี้การที่ตัวเล็กเวลาโตก็จะโตได้ค่อนข้างดี เพราะเวลายิ่งระดมทุนได้ มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน การเติบโตในไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ไม่ว่าบริษัทไหนที่เข้ามาจดทะเบียนก็มีโอกาสที่จะเติบโตได้สูง เนื่องจากสเกลของธุรกิจเหมือนเด็กกำลังโต
ก็อยากจะเชิญชวน ถ้านักลงทุนที่สนใจ โดยเฉพาะที่เป็นนักลงทุนในเกณฑ์ของที่ตลาด LiveX เปิดให้ ไม่ว่าจะเป็น VC, High Net Worth หรือเป็นสถาบัน หรือบริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ ก็อยากให้มองบริษัทที่อยู่ใน LiveX ซึ่งน่าจะเป็นบริษัทที่มีการเติบโตที่ดีในอนาคตครับ
วีดีโอสัมภาษณ์
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ที่เว็บไซต์ประชาชาติ